วัดระดับความดังเสียงต่างๆ ภายในห้องเครื่องของโรงงานอาหารสัตว์ที่จังหวัดสุพรรณบุรี
สภาพแวดล้อมของการวัด (test environment) และวิธีการเรียบเรียงการวัด (test methodology):
การวัดเสียงมีขึ้นระหว่างเวลา 13.30 น. – 15.00 น. ของวันที่ 14 พฤศจิกายน 2562
2. หน้าประตูห้องเครื่อง
– ชนิดของค่าเสียงที่วัดตามจุดต่างๆ:
1. dB-SPL (A-weight)
2. Noise Curve (NC)
3. Real-Time-Analysis (RTA)
1. เสียงจากภายในห้องเครื่องมีระดับเสียงที่สูงมากและเสียงออกมาภายนอกห้องเครื่องมากกว่าที่ควรจะเป็น
4. ความถี่ที่มีช่วงระดับความดังมากในห้องเครื่องที่ 2 คือ 100 Hz, 200 Hz, 630 Hz และ 1250 Hz
1. Sound Pressure Level (SPL) – เป็นค่าที่ไว้สำหรับวัดความดังของเสียง หน่วยวัดเป็น dBA เลือกใช้เป็น A-weight เนื่องจากการเก็บค่ามีความใกล้เคียงกับหูมนุษย์มากที่สุด โดยถ้า SPL ยิ่งมีค่ามากขึ้น แสดงถึงเสียงมีความดังเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน ถ้า SPL ยิ่งมีค่าน้อยคือเสียงมีความดังที่ลดลง โดยจากผลการวัดเสียงที่ห้องเครื่องทั้ง 2 ห้องได้ผลดังภาพที่แสดงดังนี้:
ภาพที่ 1 แสดงการวัดเสียง SPL ในห้องเครื่องห้องที่ 1
จากผลการวัดความดังเสียงในห้องเครื่อง 1 ขณะที่เครื่องทำงานอยู่ โดยวัด 2 ตำแหน่ง จำนวน 2 ครั้ง โดยผลจะแสดงค่า LAeq เป็นค่าเฉลี่ยของเสียงของการวัดเสียง ส่วน LAmax เป็นค่าเสียงที่ดังที่สุดของการวัดเสียงช่วงนั้นได้ผลดังนี้:
– ตำแหน่งที่วัดกลางห้องเครื่อง ได้ค่าความดังเฉลี่ย (LAeq) ที่ 101.9 dBA
– ตำแหน่งที่วัดกลางห้องเครื่อง ได้ค่าความดังสูงสุด (LAmax) ที่ 103.1 dBA
– ตำแหน่งที่วัดนอกห้องเครื่องที่หน้าประตู ได้ค่าความดังเฉลี่ย (LAeq) ที่ 86.4 dBA
– ตำแหน่งที่วัดนอกห้องเครื่องที่หน้าประตู ได้ค่าความดังสูงสุด (LAmax) ที่ 88.7 dBA
ภาพที่ 2 แสดงการวัดเสียง SPL ในห้องเครื่องห้องที่ 2
จากผลการวัดความดังเสียงในห้องเครื่อง2 ขณะที่เครื่องทำงานอยู่ โดยวัด 2 ตำแหน่ง จำนวน 2 ครั้ง โดยผลจะแสดงค่า LAeq เป็นค่าเฉลี่ยของเสียงของการวัดเสียง ส่วน LAmax เป็นค่าเสียงที่ดังที่สุดของการวัดเสียงช่วงนั้นได้ผลดังนี้
– ตำแหน่งที่วัดกลางห้องเครื่องที่2 ได้ค่าความดังเฉลี่ย (LAeq) ที่ 107.8 dBA
– ตำแหน่งที่วัดกลางห้องเครื่องที่2 ได้ค่าความดังสูงสุด (LAmax) ที่ 109.5 dBA
– ตำแหน่งที่วัดนอกห้องเครื่องที่2 หน้าประตู ได้ค่าความดังเฉลี่ย (LAeq) ที่ 91 dBA
– ตำแหน่งที่วัดนอกห้องเครื่องที่2 หน้าประตู ได้ค่าความดังสูงสุด (LAmax) ที่ 92.4 dBA
จากผลการวัด SPL จึงสรุปได้ว่า:
เสียงจากภายในห้องเครื่องสามารถลอดออกมาภายนอกได้ถึง 90 dB ทำให้ส่งผลเสียและเป็นอันตรายต่อแก้วหูของผู้ทำงานในบริเวณนั้น ดังนั้นจำเป็นต้องติดตั้งแผ่นอะคูสติกสำหรับในการกันเสียงภายในห้องเครื่องเพื่อลดความดังเสียงที่เป็นอันตรายต่อผู้ที่ทำงาน
2. Noise Curve (NC) – เป็นการวัดเสียงรบกวนและความเงียบภายในห้อง ด้วย Noise Criteria ตามค่ามาตรฐาน ANSI S12.2-2008 และ 1995 ได้ผลการวัดตามตารางที่ 1 ดังนี้:
ตารางที่ 1 แสดงผลการวัดค่า NC
โดยค่า NC ตามโรงงานไม่ได้มีค่ามาตรฐานกำหนดไว้ และค่าระดับเสียง NC ภายนอกห้องเครื่องที่ 2 ในขณะที่เครื่องในห้องที่ 2 ทำงานอยู่ วัดได้ค่า NC-71 ถือว่ามีค่าที่สูงมาก อย่างไรก็ตามแนะนำให้มีค่า NC อยู่ในช่วง 45-55 ตามค่ามาตรฐาน NC ของ Sport Coliseums ซึ่งในโรงงานมีเสียงเครื่องจักรค่อนข้างดัง ดังนั้นแนะนำไม่ให้ NC เกิน 60
3. Real Time Analysis (RTA) – เป็นการแสดงการตอบสนองเสียงของแต่ละความถี่ จากผลการวัดได้ตามภาพดังนี้:
ภาพที่ 3 แสดงกราฟความดังเฉลี่ยภายในห้องเครื่องที่ 1
ภาพที่ 4 แสดงกราฟความดังเฉลี่ยภายนอกห้องเครื่องที่ 1
จากผลการวัดเสียงในห้องเครื่องที่ 1 จะเห็นได้ว่าความดังเสียงตอบสนองที่ความถี่ 200 Hz และ 400 Hz มากที่สุดทั้งในภาพที่ 3 และ 4 แสดงว่าเสียง ณ ช่วงความถี่เดียวกันเสียงจากภายในห้องเครื่องสามารถออกไปข้างนอกห้องเครื่องได้ถึง 91.6 dB จาก 102.9 dB ดังนั้นควรแก้ปัญหาที่ความถี่ 200 Hz และ 400 Hz เพื่อลดปัญหาเสียงที่ดังเกินไป
ภาพที่ 5 แสดงกราฟความดังเฉลี่ยภายในห้องเครื่องที่ 2
ภาพที่ 6 แสดงกราฟความดังเฉลี่ยภายนอกห้องเครื่องที่ 2
จากผลการวัดเสียงในห้องเครื่องที่ 2 จะเห็นได้ว่าความดังเสียงตอบสนองที่ความถี่ 100 Hz, 200 Hz, 630 Hz และ 1250 Hz มากที่สุดทั้งในภาพที่ 5 และ 6 แสดงว่าเสียง ณ ช่วงความถี่เดียวกันเสียงจากภายในห้องเครื่องที่ 2 สามารถออกไปข้างนอกห้องเครื่องได้ถึง 91.4 dB จาก 109 dB ดังนั้นในห้องเครื่องที่ 2 ควรแก้ปัญหาที่ความถี่ 100 Hz, 200 Hz, 630 Hz และ 1250 Hz เพื่อลดปัญหา ณ ความถี่เสียงที่ดังเกินไป