เกี่ยวกับลูกค้าและงานนี้

ลูกค้างานนี้เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจโรงแรมในหลายสาขา โดย สันธิญา รีสอร์ท แอนด์ สปา มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ โดยห้องนี้เป็นห้องประชุมที่สามารถจัดการประชุมผู้บริหาร รวมถึงการประชุมอื่นๆ เช่น ประชุมฝ่ายขาย เป็นต้น ซึ่งจะมีการทำ video-conference ที่เป็น software-based applications เช่น Skype, Zoom, Line video-call, WebEx ฯลฯ

ลูกค้า ซึ่งรู้จักร้านเซ้นส์ดีผ่านจากการแนะนำของลูกค้าเก่าท่านหนึ่ง จึงต้องการให้ระบบนั้นรองรับการประชุมแบบ local, in-room และ ในบางครั้งก็ต้องประชุมทางไกลผ่าน Skype กับสาขาอื่นๆ เช่น ที่เกาะพะงัน เกาะช้าง เป็นต้น ทางร้านเซ้นส์ดี จึงดำเนินการออกแบบระบบเสียงให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า

โจทย์

จากการสำรวจตัวห้องด้วยตาและการฟังตามปกติ (แม้ว่าโดยที่ยังไม่ได้วัดค่าเสียง) ก็พบว่าห้องนั้นมีความก้องอยู่มาก ด้วยพื้นซึ่งเป็นหินอ่อน และ เพดานเป็นปูนเปลือย พื้นผิวที่แข็งและมีปริมาณเยอะที่สุดของห้องนั้นยังก่อให้เกิดเสียงก้อง (reverberation) ที่ค่อนข้างมาก (>1 วินาที) ดังนั้น การเพิ่มอัตราส่วนของเสียงตรง (direct sound) ให้มากกว่าเสียงก้อง (reverberant sound) นั้นคือทางออกที่ดีที่สุดของห้องนี้ หากเรายังคงไว้ซึ่งดัชนีชี้วัดการส่งผ่านของเสียงพูด (Speech-Transmission-Index, STI) ในระดับที่ฟังรู้เรื่อง หรือถ้าจะอธิบายให้ง่ายกว่านั้นคือ ผู้เข้าร่วมประชุมต้องได้ยินเสียงตรงจากลำโพงให้เยอะกว่าได้ยินเสียงก้องของตัวห้อง จึงจะถือว่าระบบเสียงนั้นตอบโจทย์

ลำโพง

ดังนั้นการเลือกลำโพงที่ระยะการกระจายของเสียงนั้นไปได้ไกลจึงเป็นสิ่งจำเป็น และการใช้ลำโพงตัวใหญ่สีดำ จะสามารถทำให้ลำโพงนั้นกลมกลืน (camouflage) ไปกับเพดานปูนเปลือยซึ่งเป็นสีดำได้ อีกทั้งยังให้ปริมาณเสียงตรงนั้นไปถึงผู้ฟังได้อย่างมากพอด้วย

ชุดประชุม

การเลือกใช้ชุดประชุมที่มีก้านไมค์ยาวให้ใกล้ปากของผู้พูดนั้นดีที่สุด เนื่องจากระบบเสียงต้องการเสียงของผู้พูดให้เข้าตัวไมค์เต็มๆเพื่อที่จะลดเสียงก้องที่วิ่งย้อนมาเข้าไมค์ให้ได้น้อยที่สุด บวกกับลูกค้าอาจมีความต้องการบันทึกการประชุมอยู่เป็นครั้งคราว ทางร้านเซ้นส์ดีจึงเลือกชุดประชุมที่มีก้านไมค์ยาว และตัวเครื่องโปรเซสเซอร์ (control processor) สามารถทำการบันทึกการประชุมผ่าน USB flash drive ได้

การเชื่อมต่อกับ software-based video conference application

เนื่องจากคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการประชุมนั้นมี built-in soundcard อยู่แล้ว หากแต่โดยปกติแล้ว soundcard ที่มากับคอมพิวเตอร์นั้นจะเป็นสัญญาณแบบ unbalanced หรือ stereo 3.5MM (3.5 มม.) ทั้งทาง input และ output ดังนั้น การปรับระดับสัญญาณให้เป็น stereo balanced อีกทั้งการเลือกใช้สายแบบมีชีลด์ (shielded cable) เพื่อให้เดินได้ไกลโดยปราศจากสัญญาณรบกวน (noise) จึงเป็นสิ่งที่พึงทำตามหลักทฤษฎีของการทำ analog audio.

ป.ล. Noise หรือ สัญญาณรบกวนภายในสายสัญญาณนั้นเกิดได้จาก: 1. Electrostatic Field (คลื่นไฟฟ้าสถิต) ซึ่งป้องกันโดยใช้สายสัญญาณแบบมีชีลด์ (shielded cable) 2. Electromagnetic Field (คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า) ซึ่งป้องกันได้จากการใช้สายสัญญาณแบบ balanced เพื่อให้ขั้วบวกและลบ (+/-) นั้น ทำงานร่วมกันเพื่อหักล้าง noise ที่แทรกเข้ามาในสาย* (อ้างอิง Sound Reinforcement Handbook (2nd Edition), Written For Yamaha By Gary Davis & Ralph Jones, June 1989)

Bill Of Quantities (BOQ):

1. Televic = D-Cerno CUR = เครื่องควบคุมชุดประชุมแบบบันทึกได้ x 1 เครื่อง
2. Televic = D-Cerno CL = ชุดประชุมตัวประธาน (Chairman) ก้านไมค์ 50 ซม. x 1 ชุด
3. Televic = D-Cerno DL = ชุดประชุมตัวลูก (Delegate) ก้านไมค์ 50 ซม. x 8 ชุด
4. Yamaha = MA2120 = มิกเซอร์แบบมีแอมปลิไฟเออร์ในตัว (Mixing Amplifier) x 1 เครื่อง
5. Yamaha = VXS5-black = ลำโพงตู้สีดำ 2 ทาง (5.25″ ย่านความถี่ต่ำ-กลาง, 0.75″ ย่านความถี่สูง) มุมกระจายเสียง 120 องศา ทั้งแนวตั้งและแนวนอน, ความไว 89 dB-SPL ที่ 1-Watt@1M (1 วัตต์ที่ 1 เมตร) ช่วยเอื้อให้อัตราส่วนของเสียงตรงต่อเสียงสะท้อนไปถึงผู้ฟังได้ครอบคลุม ต่อสู้กับเสียงก้องภายในห้องได้ดี x 4 ใบ
6. Shure = BLX24/SM58 = ไมโครโฟนไร้สาย x 1 ชุด
7. Australian Monitor = Getup = ตัวแปลงสัญญาณจาก unbalanced เป็น balanced x 2 ตัว
8. Australian Monitor = Getdown = ตัวแปลงสัญญาณจาก balanced เป็น unbalanced x 2 ตัว
9. Yamaha = YVC-1000 = ชุด audio conferencing processor สำหรับ software-based audio/video conference application x 2 ชุด (1 ชุด ใช้ในกรุงเทพฯ อีก 1 ชุด ส่งไปใช้ที่ต่างจังหวัด)